slot88

คู่มือท่องเที่ยวฮ่องกง

  โพสต์เมื่อ: วันอาทิตย์ 3 กันยายน 2017 (เข้าดู 883 views)
519 Views

คู่มือท่องเที่ยวฮ่องกงฉบับนี้ ตั้งใจเขียนขึ้นมาให้ท่านที่สนใจและมีความประสงค์ไปเที่ยวฮ่องกง ได้ใช้เป็นข้อมูลเตรียมตัวก่อนออกเดินทาง เชื่อว่าคงมีหลายท่านที่ไม่เคยไปเที่ยวฮ่องกง และกำลังหาข้อมูลใช้สำหรับประกอบการตัดสินใจเลือกจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก เราจึงได้รวบรวมข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมตามช่วงเวลา รวมไปถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ อาทิเช่น เอกสารที่ใช้ในการเดินทาง อัตราการแลกเงิน สภาพอากาศ การจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก หากคุณกำลังค้นหาข้อมูลเหล่านี้ เราได้รวบรวมข้อมูลพื้นฐานที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริง โดยเริ่มตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนการเดินทางไปจนถึงข้อมูลการปฏิบัติตัวเมื่อไปถึงฮ่องกง ดังข้อมูลต่อไปนี้

คู่มือท่องเที่ยวฮ่องกง

คู่มือท่องเที่ยวฮ่องกง

เรียบเรียงข้อมูลโดย อะเมสซิ่งไทยทัวร์
ข้อมูลอ้างอิง มือถือไปเมืองนอกhko.gov.hk, True, Ais, Dtac
ภาพจาก anekoho, leungchopanESB Professional

1.การเตรียมตัวก่อนออกเดินทางไปฮ่องกง
ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวฮ่องกง หลายท่านมักจะมีคำถามเกิดขึ้นมากมาย ตัวอย่างเช่น ไปเที่ยวฮ่องกงต้องทำวีซ่าไหม? ช่วงแต่ละเดือนมีการจัดงานหรือเทศกาลอะไรบ้างที่น่าสนใจ? การใช้งานโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตควรทำอย่างไร?  จองตัวเครื่องบินและที่พักที่ไหนดี? คำถามเหล่านี้เราได้เตรียมข้อมูลไว้ให้คุณแล้ว โดยสิ่งที่ควรรู้ก่อนเดินทางไปเที่ยวฮ่องกง ขอแบ่งออกเป็นหัวข้อดังนี้

คู่มือท่องเที่ยวฮ่องกง

คู่มือท่องเที่ยวฮ่องกง

1.1. หนังสือเดินทาง เริ่มต้นกันด้วยคำถามยอดฮิต ไปเที่ยวฮ่องกงต้องทำวีซ่าไหม? อันนี้ขอตอบเลยว่า สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่ต้องขอวีซ่าครับ เพียงแค่คุณต้องมีหนังสือเดินทาง (Passport) ก็สามารถไปเที่ยวฮ่องกงได้แล้ว แต่ทั้งนี้ Passport จะต้องเหลืออายุอย่างต่ำ 6 เดือน แค่นี้คุณก็สามารถท่องเที่ยวฮ่องกงได้นานถึง 30 วันเลยทีเดียว

คู่มือท่องเที่ยวฮ่องกง

คู่มือท่องเที่ยวฮ่องกง

1.2. สภาพอากาศ ฮ่องกงแบ่งออกเป็น 4 ฤดูกาล ดังนี้
1.2.1 ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่อากาศค่อนข้างเย็นสบาย มีฝนตกบ้างเป็นบางวัน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 17-26 องศาเซลเซียส
1.2.2 ฤดูร้อน ช่วงเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม เป็นช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนชื้น แสงแดดค่อนข้างแรง ที่แปลกไปกว่านั้นคือช่วงนี้จะมีฝนตกชุก เดินทางมาเที่ยวช่วงนี้เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพแนะนำพกร่มมาด้วยก็ดี อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของช่วงนี้อยู่ที่ 26-31 องศาเซลเซียส
1.2.3 ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนกันยายนถึงปลายเดือนเดือนพฤศจิกายน เป็นอีกช่วงที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวกันมาก เนื่องด้วยเป็นช่วงที่มีสภาพอากาศแจ่มใส อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 19-28 องศาเซลเซียส
1.2.4 ฤดูหนาว ช่วงต้นเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เที่ยวฮ่องกงช่วงนี้แนะนำให้สวมเสื้อหนาวหนาๆ เนื่องด้วยสภาพอากาศหนาวเย็นและแห้ง อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 12-20 องศาเซลเซียส

จากข้อมูลข้างต้นลองใช้ประกอบการตัดสินใจได้เลยครับ ว่าจะเลือกแถวช่วงไหน แต่จะว่าไปฮ่องกงก็สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพียงแต่มีบางช่วงจะมีพายุใต้ฝุ่นพัดผ่านคือช่วงพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน เพราะฉะนั้นก่อนออกเดินทางควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนไป ซึ่งสามารถเช็คสภาพอากาศได้ที่เว็บไซต์ http://www.hko.gov.hk

1.3. ระบบเงิน ฮ่องกงมีการใช้เงินสกุล “ฮ่องกงดอลล่าร์” (Hong Kong Dollar: HKD ) หน่วยย่อยเป็นเซนต์ (cent) โดยอัตราแลกเปลี่ยนจะอยู่ที่ 4.4 บาท ต่อ 1 HKD (โดยประมาณ) ในส่วนของธนบัตรมีตั้งแต่ 1,000, 500, 100, 50, 20, และ 10 HKD สำหรับเหรียญ มีตั้งแต่ 10, 20, 50 เซนต์ และ 1,2,5,10 เหรียญฮ่องกงดอลลาร์

Hong Kong Dollar

Hong Kong Dollar

ทั้งนี้เราสามารถแลกเงินได้บริเวณสนามบิน ทั้งนี้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ควรตรวจสอบข้อมูลก่อนการเดินทาง ส่วนการแลกเงิน สามารถแลกเงินได้ตามธนาคารทั่วไป โดยส่วนใหญ่แล้วผมจะแลกเงินแถวๆ สนามบินสุวรรณภูมิ ที่ใช้บริการบ่อยก็จะเป็น super rich

1.4.ไฟฟ้า ฮ่องกงให้ระบบไฟฟ้า 220 โวลต์ มีข้อแนะนำสำหรับท่านที่จะนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไปใช้งานไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค กล้องถ่ายรูป มือถือ ควรเตรียมหัวปลั๊กไฟหรืออะแดปเตอร์ที่เป็น 3 ขาแบบเหลี่ยม สังเกตุง่ายๆ ตอนไปซื้อให้ดูตรงที่มีคำว่า Travel Universal Adaptor

Travel Universal Adaptor

Travel Universal Adaptor

1.5. เวลา เวลาที่ฮ่องกงเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
1.6. การใช้งานโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตที่ฮ่องกง
1.6.1 การเปิดบริการ Data Roaming หลายท่านจะรู้สึกหวั่นเล็กน้อยเกี่ยวกับบริการโทรศัพท์ข้ามแดนอัตโนมัติ (International Roaming) หรือที่เรียกว่า บริการโรมมิ่ง ซึ่งเป็นการใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ บริการเสริมสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ เพื่อให้สามารถใช้เลขหมายเดิมสำหรับติดต่อในขณะอยู่ต่างประเทศ สืบเนื่องจากกรณีที่เป็นข่าวดังเกี่ยวกับค่าบริการโรมมิ่งที่มีการเรียกเก็บจากผู้ใช้บริการที่ใช้งานเพียงไม่กี่วัน แต่กับพบว่ามีอัตราค่าใช้บริการที่สูงถึงหลักแสนหลักล้านกันเลยทีเดียว และเชื่อว่าหลายท่านคงจะรู้สึกกังวล เราจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานโทรศัพท์มือถือเมื่ออยู่ต่างแดนมาให้ศึกษาโดยอ่านได้จาก ที่นี่ สำหรับท่านที่มีความประสงค์เปิดใช้งาน Roaming ในกรณีที่ไม่เที่ยวฮ่องกง เรามีข้อมูลของผู้ให้บริการในเมืองไทย 3 ค่ายใหญ่ มาให้ได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ดังนี้

Data Roaming

Data Roaming

-True  สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://truemoveh.truecorp.co.th/international_service/travelling_abroad

– AIS  สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.ais.co.th/roaming/

-Dtac  สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.dtac.co.th/roaming/rate/dtn/prepaid/hkg

1.6.2. การซื้อ SIM เติมเงิน (prepaid) อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับท่านที่ไม่ต้องการเปิดใช้บริการ Roaming โดยสามารถเลือกซื้อซิมประเภทนี้ได้ที่ฮ่องกง หาซื้อได้จากร้านค้าที่สนามบิน อีกทั้งยังเลือกซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อต่างๆ ทั้ง 7-11 และ Circle K ซึ่งจะมีผู้ให้บริการหลายรายด้วยกัน อาทิเช่น CSL, SmarTone, Hutchison แต่ละเจ้าก็มีรูปแบบเงื่อนไข และราคาที่แตกต่างกันไป

Mobile Operator

Mobile Operator

หรือไม่ก็เลือกซื้อซิมประเภทนี้ที่เมืองไทย ปัจจุบันจะมีผู้ให้บริการอยู่ 2 เจ้าด้วยกัน นั่นก็คือ True กับ Ais ในส่วนของ Dtac จากที่ได้สอบถามได้รับแจ้งว่าทาง Dtac ยังไม่มีการให้บริการในลักษณะนี้

-Travel SIM Asia (True) ซิมท่องเที่ยวสามารถเล่นเน็ต 4GB นาน 8 วัน ราคาเพียง 399 บาท โดยซิมการ์ดมีอายุการใช้งาน 30 วัน ในประเทศเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และฮ่องกง หลังจากเปิดใช้งาน สามารถต่ออายุวันใช้งานเพิ่มได้ โดยทำการเติมเงินขั้นต่ำผ่านช่องทางการเติมเงิน ซึ่งการเติมเงินในแต่ละครั้ง จะได้รับวันการใช้งานขั้นต่ำ 30 วัน และสามารถตรวจสอบการใช้งาน จำนวนวันคงเหลือได้ที่ #123# โทรออก ฟรีค่าบริการ สำหรับซิมตัวนี้ผมเคยใช้บริการตอนไปเที่ยวประเทศสิงคโปร์ รู้สึกว่าสะดวกดี คือถอดซิมเก่า (เบอร์เดิม) เปลี่ยนไปใช้ซิมเบอร์ใหม่ตอนขึ้นเครื่องจากเมืองไทย ลงเครื่องถึงสนามบินที่สิงคโปร์ปุ๊ป สามารถเปิดใช้งานสามารถใช้งานได้เลย (ซิมตัวนี้สามารถหาซื้อได้ที่ 7-11 ในเมืองไทย)

-SIM2Fly (AIS) ซิมพร้อมใช้ เมื่อเปิดใช้ SIM จะได้รับฟรีแพกเกจอินเทอร์เน็ตโรมมิ่ง Non-Stop ความเร็วสูงสุด 4GB ใช้ได้ 8 วัน ในประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเก๊า สิงค์โปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน อินเดีย ลาว พม่า ออสเตรเลียและเนปาล เมื่อเปิด SIM2Fly ได้รับวันใช้งาน 30 วัน หลังจากนั้นหากไม่ได้เติมเข้ามา หมายเลขจะโทรออกไม่ได้ แต่สามารถรับสายได้ ภายใน 30 วัน (เป็นระยะเวลาให้เติมเงินเพื่อให้มีวันใช้งาน) หลังจากนั้นจะไม่สามารถโทรเข้า-โทรออกได้

เกร็ดความรู้ : โพสเพด ซิม (Postpaid SIM) คือ SIM โทรศัพท์มือถือ ที่สามารถใช้งานก่อน จ่ายเงินในตอนหลัง เป็นซิมประเภทรายเดือน กับซิมอีกแบบคือ พรีเพด ซิม (Prepaid SIM) เป็น SIM โทรศัพท์มือถือ ต้องชำระเงินก่อนใช้งาน ซึ่งเป็นซิมประเภทเติมเงินนั่นเอง

ตึก Transformer

ตึก Transformer

1.7. ค้นหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไป หลังจากศึกษาข้อมูลต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ทั้งสภาพภูมิอากาศแต่ละช่วง เอกสารที่ต้องใช้ในการเดินทาง การเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ลำดับถัดมาการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่เราจะไป เมื่อได้ที่เที่ยวแล้ว ต่อไปเราก็ไปดูว่าเราไปเที่ยวแถวไหน ทางที่ดีควรหาที่พักที่ไม่ไกลจากที่เที่ยวมากนัก ยิ่งการไปเที่ยวยามค่ำคืน ก็ควรเลือกสถานที่ที่อยู่ใกล้ MTR เพื่อเดินทางกลับไปยังที่พักได้สะดวก ตัวอย่างเช่น ทริปวันแรกวางแผนที่เพื่อไปถ่ายภาพบริเวณถนนแห่งดวงดาว (Avenue of Stars) ในตอนเย็น ต่อด้วยชมความงดงามของแสงสีริมอ่าววิคตอเรีย (A Symphony of Lights) ในยามค่ำคืน หากไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนดี เรามีบทความแนะนำ 20 สถานที่ท่องเที่ยวฮ่องกง ไม่ควรพลาด

1.8. การจองตั๋วเครื่องบินและที่พักในฮ่องกง จากข้อมูลในข้อ 1.7  ทริปวันแรกจไปถ่ายภาพบริเวณถนนแห่งดวงดาว (Avenue of Stars) ในตอนเย็น ต่อด้วยชมความงดงามของแสงสี ริมอ่าววิคตอเรีย (A Symphony of Lights) ในยามค่ำคืน จากข้อมูลข้างต้นอาจจะเลือกจองตั๋วเครื่องบินและเลือกช่วงเวลาของเที่ยวบินให้สอดคล้องกับทริปวันแรก ซึ่งการเดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปยังฮ่องกงจะใช้เวลาประมาณ 2.45 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นอาจจะเลือกเที่ยวบินที่ออกเดินทางเวลา 08.25 น. ถึงสนามบิน เวลา 12.10 น. รวมระยะเวลาเดินทางเข้าที่พักก็จะถึงประมาณช่วงบ่าย อาบน้ำ แต่งตัว เตรียมอุปกรณ์ออกไปถ่ายภาพทันช่วงเย็นตามแผนที่ได้วางไว้พอดี

การจองตั๋วเครื่องบิน

การจองตั๋วเครื่องบิน

สำหรับวิธีจองตั๋วเครื่องบินแนะนำให้คุณจองผ่าน Traveloka เพราะจะได้ราคาตั๋วในราคาประหยัด เมื่อเลือกจองตั๋วเครื่องบินได้แล้ว ลำดับถัดมาก็จองที่พัก ซึ่งแนะนำให้จองผ่าน Traveloka เช่นกัน จากตัวอย่างทริปวันแรกที่ได้วางไว้ โดยจะไปบริเวณถนนแห่งดวงดาว (Avenue of Stars) ในตอนเย็น และเที่ยวชมความงดงามของแสงสีริมอ่าววิคตอเรีย (A Symphony of Lights) ในยามค่ำคืน เพื่อความสะดวกในการเดินทาง จึงต้องต้องหาที่พักแถวจิมซาจุ่ย ซึ่งแถวนี้จะอยู่ไม่ไกลจาก MTR การเดินทางก็สะดวก หากคุณสนใจจองที่พักราคาถูกในฮ่องกง ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง แนะนำให้คุณจองผ่าน Traveloka >>> https://www.traveloka.com/th-th/hotel/hong-kong/region/hong-kong-10011651 เบื้องต้นเรามีเทคนิคสำหรับการจองที่พักใกล้กับสถานที่เที่ยวมาแนะนำ อันดับแรกเปิดแอพพลิเคชั่น traveloka เลือกค้นหาโรงแรม ระบุข้อมูลปลายทางว่าเราจะพักแถวไหน เลือกวันเช็คอิน ระยะเวลา จำนวนผู้เข้าพัก จำนวนห้อง จากนั้นเลือกค้นหา

จองที่พักในฮ่องกง ผ่าน Traveloka

จองที่พักในฮ่องกง ผ่าน Traveloka

หลักจากเลือกค้นหาก็จะปรากฏข้อมูลราคาที่พักแถวจิมซาจุ่ย ซึ่งราคารวมภาษีแล้ว ไม่มีค่าธรรมเนียมการจอง และไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงแต่อย่างใด ที่สำคัญไปกว่านั้นสามารถเปรียบเทียบราคาห้องพักได้อีกด้วย

จองที่พักในฮ่องกง ผ่าน Traveloka

จองที่พักในฮ่องกง ผ่าน Traveloka

เมื่อเลือกที่พักที่เราถูกใจได้แล้ว ถัดมาก็สามารถจองห้องพักได้เลย จองง่าย จ่ายสะดวก ครอบคลุม ทุกช่องทางการชำระเงิน แม้ไม่มีบัตรเครดิต นอกจากนี้ที่พักในแต่ละแห่งจะมี comment จากผู้ที่เคยเข้าพัก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ เราสามารถใช้ประกอบการตัดสินใจได้ว่าที่พักแห่งนี้ดีหรือไม่

จองที่พักในฮ่องกง ผ่าน Traveloka

จองที่พักในฮ่องกง ผ่าน Traveloka

1.9. แผนที่ MTR ฮ่องกงเป็นเมืองที่มีความสะดวกในเรื่องของการเดินทาง อีกหนึ่งวิธีที่ผมขอแนะนำคือ ให้คุณโหลดแผนที่ MTR ไว้บนมือถือ เพราะ MTR เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ได้อย่างสะดวก

แผนที่ MTR

แผนที่ MTR

สนามบินแช็กแลปก๊อก (Chek Lap Kok)

สนามบินแช็กแลปก๊อก (Chek Lap Kok)

2.สิ่งที่ต้องปฏิบัติเมื่อถึงฮ่องกง เมื่อลงเครื่องที่สนามบินฮ่องกง (Hong Kong Airport) ให้สังเกตุป้าย โดยให้เดินไปตามป้าย Immigration (สนามบินแห่งนี้จะมี 2 terminal กรณีลงที่ terminal 2 จะต้องผ่าน ตม. ซึ่งอยู่ที่ terminal 1) ต่อจากนั้นลงบันไดเลื่อน เพื่อไปขึ้นรถไฟไปยัง Immigration ซึ่งอยู่ที่ terminal 1 หลังจากนั้นผ่าน ตม. ทำการกรอกแบบฟอร์มคนเข้าเมืองของฮ่องกง (Immigration Department Hong kong form) สำหรับแบบฟอร์มดังกล่าว ทางสายการบินจะแจกให้เวลานั่งเครื่อง ทางที่ดีควรกรอกให้เสร็จตั้งแต่อยู่บนเครื่อง เมื่อถึง ตม. จะได้ยื่นแบบฟอร์มพร้อมกับ Passport ได้เลย

Immigration Department Hong kong form

Immigration Department Hong kong form

2.1. วิธีการกรอกแบบฟอร์มคนเข้าเมืองของฮ่องกง โดยมีข้อมูลที่จำเป็นต้องกรอก ได้แก่
-Family name (in capitals) ช่องนี้ให้กรอกนามสกุล (ตัวพิมพ์ใหญ่)
-Given names (in capitals) ช่องนี้ให้กรอกชื่อจริง (ตัวพิมพ์ใหญ่)
-Sex ช่องนี้ให้กรอกเพศ
-Travel document No. ช่องนี้ให้กรอกหมายเลขหนังสือเดินทาง
-Place and date of issue ช่องนี้ให้กรอกสถานที่และวันที่ออกหนังสือเดินทาง
-Nationality ช่องนี้ให้กรอกสัญชาติ
-Date of birth ช่องนี้ให้กรอก วันเกิด วันที่ / เดือน / ปี
-Place of birth ช่องนี้ให้กรอกสถานที่เกิด
-Address in Hong Kong ช่องนี้ให้กรอกที่พักในห้องกง
-Home address ช่องนี้ให้กรอกที่อยู่ในเมืองไทย
-Flight No./Ship’s name ช่องนี้ให้กรอกหมายเลขเที่ยวบิน
-From ช่องนี้ให้กรอกออกเดินทางมาจาก
-Signature of traveller ช่องนี้ให้กรอกลายเซ็นต์
หลังกรอกข้อมูลและยื่นเอกสาร ผ่าน ตม. เรียบร้อยแล้ว ต่อจากนั้นก็เดินออกมาเพื่อหยิบกระเป๋าตรงบริเวณสายพาน ต่อจากนั้นเดินทางต่อจากสนามบินฮ่องกงไปยังตัวเมือง

จุดรับกระเป๋าเดินทาง

จุดรับกระเป๋าเดินทาง

2.2. การเลือกเดินทางจากสนามบินไปยังตัวเมือง โดยสนามบินจะอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร การเลือกเดินทางไปยังตัวเมืองมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ Airport Express (AE) เป็นรถไฟขบวนด่วนพิเศษ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 24 นาที จะจอดตามสถานีรถไฟฟ้า MTR 3 สถานีเท่านั้น ได้แก่ Tsing Yi, Kowloon และสถานีปลายทาง Hong Kong ต่อจากนั้นก็ใช้บริการ Shuttle bus ฟรี ไปยังโรงแรมต่างๆ นอกจากนี้ยังมีรถเมล์ประจำทาง, รถแท็กซี่, รถราง ก่อนออกเดินทางเราขอแนะนำให้คุณซื้อ บัตร Octopus บัตรเดียวเที่ยวทั่วฮ่องกง บัตรสารพัดประโยชน์ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการจับจ่ายสินค้า ค่าโดยสาร และค่าบริการต่างๆ มากมาย

สำหรับทริปตัวอย่างของผมจะไปลงแถวจิมซาจุ่ย แนะนำให้คุณเลือกใช้บริการรถไฟ Airport Express (AE) จากสนามบินไปลงที่เกาลูน ใช้เวลาประมาณ 22 นาที ต่อด้วย shuttle bus ฟรีเพื่อเดินทางไปแถวจิมซาจุ่ย โดยสามารถตรวจสอบเส้นทางได้ที่ http://www.mtr.com.hk/en/customer/services/complom_free_bus.html

Airport express is the fastest commute (24 minutes) from the airport to the city.

Airport express is the fastest commute (24 minutes) from the airport to the city.

เคล็ดลับอย่างหนึ่งของการเลือกเที่ยวในต่างประเทศ คือการศึกษาและเตรียมข้อมูลให้พร้อมก่อนการออกเดินทาง เพื่อช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่น และนี่เป็นเป็นตัวอย่างเบื้องต้นของการเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปเที่ยวฮ่องกง ซึ่งการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ แนะนำให้ศึกษาหาข้อมูลเบื้องต้นประมาณนี้ คือ ต้องรู้ว่าช่วงที่จะเป็นมีสภาพอากาศเป็นอย่างไรบ้าง ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากไปมีที่ใดบ้าง คำนวณค่าใช้จ่ายเบื้องต้นทั้งค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พัก ค่ากินในแต่ละวัน หลังจากเตรียมความพร้อมในทุกๆ เรื่องเรียบร้อยแล้วออกเดินทางได้เลย ท้ายสุดนี้ขอให้ทริปการเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงของคุณมีความราบรื่นและเดินทางโดยสวัสดิภาพ

แสดงความคิดเห็น:

บทความล่าสุด
5 อันดับที่เที่ยว ยอดนิยม